“ซาลาเปาพิบูล” มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักว่าเป็นซาลาเปาที่อร่อยที่สุดไม่เหมือนใครมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นแป้ง ไส้เค็มและไส้หวาน กว่าจะเป็นที่รู้จัก “ซาลาเปาพิบูล”นั้น เมืองพิบูลมังสาหารมีซาลาเปาขายอย่างต่อเนื่องกันมายาวนานกว่า 50 ปีแล้ว…เริ่มต้นเมื่อราวปี พ.ศ.2490 ณ ที่เมืองอุบลฯ นายอุ้ยฮ่าว แซ่ตั้ง ที่พบรักกับนางสาวยู แซ่ลี้ อายุ 20 ปี และได้แต่งงานกัน จากนั้นจึงได้พากันย้ายจากเมืองอุบลฯมาทำการค้าขายที่อำเภอพิบูลมังสาหารโดยได้มาเปิดร้านขายกาแฟที่บ้านเลขที่ 139 ถนนหลวงบริเวณท่าเรือตลาดสดเมืองพิบูลฯขณะนั้นเรียกว่าท่ากกแห่ริมแม่น้ำมูลอำเภอพิบูลมังสาหาร(ปัจจุบันคือบริเวณสี่แยกถนนวิพากย์ตัดกับถนนหลวงตรงคอสะพานพิบูลมังสาหารข้ามแม่น้ำมูลไปยังอำเภอโขงเจียมหรือจะเรียกว่าแยกซาลาเปาคนก็จะรู้จักดี) จนกระทั้งมีลูกด้วยกัน 2 คน คือ นางสาวนิภา(ฮุ้ง) แซ่ลี้ และนายสุรพล(ตี๋) ตั้งตระกูล วันหนึ่งลูกๆอยากจะกินซาลาเปาที่เขาทำขายอยู่ใกล้ๆบ้าน คุณแม่ยูจึงได้ทำซาลาเปาให้ลูกๆกินเองโดยได้วิธีการทำมาจากพ่อและแม่คือนายกิมหลี แซ่ลี้ และนางซิ่วอิ่ม แซ่โค้ว ส่วนไส้ซาลาเปาคุณแม่ยูได้คิดขึ้นเอง และเริ่มทำขายเล็กๆน้อยๆให้เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงได้กินหลายๆคนบอกว่ารสดีมาก ขายหมดก็พอ ทำขายวันต่อวัน โดยคุณแม่ยูได้เดินไปขายตามบ้านเรือน ตามโรงเรียนบ้าง โดยเริ่มต้นขายลูกละ 2 บาท เป็นการเสริมรายได้ไปด้วย และด้วยซาลาเปาที่มีรสดี อร่อยมาก สะอาดเป็นที่ถูกปาก จึงได้บอกต่อกันไปปากต่อปากทำให้ขายดีต้องทำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ขายในราคาลูกละ 2 บาทมานานพอสมควร จนกระทั้งมีคนทำซาลาเปามากขึ้นและเจ้าอื่นๆก็ขายกันลูกละ 5 บาท คุณแม่ยูจึงได้ปรับราคาขึ้นมาเป็นลูกละ 5 บาทเท่ากับคนอื่นและปัจจุบันก็ยังคงขายราคาในราคาลูกละ 5 บาทเหมือนเดิม
ซาลาเปาของคุณแม่ยูนั้นจะมีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันก็ยังคงเหมือนเดิมคือ แป้งจะมีความนุ่มแม้จะเย็นแป้งก็ไม่แข็ง เก็บไว้ได้นานเมื่อนำมาอุ่นแล้วแป้งก็ยังนุ่มเหมือนเดิมไม่ยุ่ย ไส้ซาลาเปาจะมี 2 อย่างคือไส้เค็มกับไส้หวาน ไส้เค็มนั้นจะมีหน่อไม้ เนื้อหมู ไข่ต้ม กุนเชียง เห็ดหอม กุ้งแห้ง ทุกอย่างคุณแม่ยูจะเป็นคนเตรียมเองทั้งหมดเริ่มตั้งแต่นำหน่อไม้ไผ่หวานมาถนอมอาหารโดยนำมาบรรจุใส่ปี๊บต้มให้สุกแล้ว นายอุ้ยฮ่าวสามีก็ช่วยบัดกรีปี๊บปิดไว้ไม่ให้อากาศเข้า(เรียกว่าหน่อไม้ปี๊บ)เพื่อที่จะได้มีหน่อไม้ใช้ได้ตลอดแล้วก็จะนำหน่อไม้มาหั่นเป็นลูกเต๋าอย่างสวยงาม เนื้อหมูก็จะสับให้ละเอียด ไข่ต้ม กุนเชียง เห็ดหอม ก็จะหั่นเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ กุ้งแห้งก็จะนำมาผ่าครึ่งตัว ส่วนไส้หวานนั้นจะนำถั่วเขียวมากวนใส่กับเปลือกมะพร้าวเผาและน้ำตาลทราย ทุกอย่างทุกขั้นตอนคุณแม่ยูจะเน้นเรื่องความสะอาดมาก ทั้งหมดนี้จึงทำให้ร้านซาลาเปาคุณแม่ยูเป็นร้านซาลาเปาที่เก่าแก่ดั้งเดิมที่ทำให้ซาลาเปาพิบูลเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้
เพื่อเป็นการให้เกียรติและระลึกถึง คุณแม่ยู แซ่ตั้ง จึงขอนำประวัติมากล่าวให้ได้ทราบ
คุณแม่ยู แซ่ตั้ง เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2470 ที่ จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรีของ นายกิมหลี แซ่ลี้ และนางซิ่วอิ่ม แซ่โค้ว ทั้งสองท่านเกิดที่ประเทศจีน มีพี่น้องร่วมกัน 6 คนคือ
1.นายบักฮั้ว แซ่ลี้ 2.นางกิมฮวย แซ่ลี้ 3.นางยู แซ่ตั้ง 4.นางสมใจ อร่ามวัฒนกุล 5.นางกิมลั้ง ตั้งตระกูล 6.นายสิทธิชัย ลือชานิมิตจิต
ต่อมานายกิมหลี แซ่ลี้ และนางซิ่วอิ่ม แซ่โค้ว ได้พาครอบครัวย้ายไปทำมาหากินอยู่ที่จังหวัดมุกดาหารได้ระยะหนึ่งจึงได้พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี
-ในปี พ.ศ.2490 คุณแม่ยู แซ่ลี้ ได้สมรสกับนายอุ้ยฮ่าว แซ่ตั้ง จากนั้นท่านก็ได้พากันย้ายจากเมืองอุบลฯมาเปิดร้านขายกาแฟอยู่ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ท่านมีบุตร,บุตรี ด้วยกัน 2 คน คือ 1.นางนิภา(ฮุ้ง) แซ่ลี้ 2.นายสุรพล(ตี๋) ตั้งตระกูล
ต่อมาในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2538 นายอุ้ยฮ่าว แซ่ตั้ง ได้ถึงแก่กรรม คุณแม่ยู ก็ได้ทำซาลาเปาขายเลี้ยงดูลูกหลานมาโดยลำพัง ทำให้ซาลาเปาพิบูลเป็นที่รู้จักมากขึ้น ใครที่มาพิบูลฯก็จะต้องมากินซาลาเปาและชื้อกลับไปเป็นของฝากด้วย
ในปี พ.ศ.2543 คุณแม่ยูได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ร่างกายด้านซ้ายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แต่ท่านก็ยังได้ดูแลให้ลูกๆได้ทำซาลาเปาขายอย่างมีคุณภาพตลอดมาและท่านก็ยังนั่งบ้างนอนบ้างอยู่หน้าร้านเพื่อพูดคุยทักทายกับลูกค้าที่มาชื้อซาลาเปาอยู่บ้างเป็นบางโอกาส
-จนกระทั้งวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2562 คุณแม่ยู มีอาการปวดท้องลูกๆจึงได้นำท่านส่งโรงพยาบาล จนถึงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2562 คุณแม่ยูขอให้ลูกๆพากลับมารักษาตัวที่บ้านและคุณแม่ยูก็ได้อ่อนแรงลงเรื่อยๆและได้ถึงแก่กรรมลงในเวลาประมาณ 02.30 น.วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2562
นับเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญผู้ที่บุกเบิกสร้างซาลาเปาพิบูลให้เป็นที่รู้จักจนมีชื่อเสียงมาจวบจนทุกวันนี้ ขอน้อมคารวะคุณแม่ยู แซ่ตั้ง ผู้เป็นตำนานซาลาเปาพิบูล ด้วยความเคารพยิ่ง ขอให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติบนสรวงสวรรค์ด้วยเทอญ และคนพิบูลฯจะระลึกถึงท่านตลอดไป

















นางนิภา(ฮุ้ง) แซ่ลี้ ผู้ให้ข้อมูล
นายคเณศ ประมุขกุล ผู้เรียบเรียง
นายนราธิป สาคาวงศ์วัฒนา รวบรวมภาพ
5 พฤศจิกายน 2562